Sep
19
2013
0

เสรีภาพ … การตรวจสอบ กับราคาที่ต้องจ่าย กรณีศึกษา : กทค. ฟ้องนักวิชาการและสื่อ

1,210 views

P_0007

 

จากกรณีที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และสำนักคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยื่นฟ้อง นางสาวเดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และนางสาวณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ช่องไทยพีบีเอส ในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีที่แสดงความคิดเห็นคัดค้านการที่กสทช. ขยายสัมปทานคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ ให้ธุรกิจเอกชนอีก 1 ปี หรือออกประกาศ “ห้ามซิมดับ” แทนที่จะนำคลื่นที่หมดสัญญาออกประมูล ซึ่งการฟ้องร้องดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า กสทช. อาจจะกำลังแทรกแซงเสรีภาพสื่อและนักวิชาการ

 

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.56 คณะกรรมการองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน ร่วมกับนักศึกษาปริญญาโทรุ่น 31 คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพโครงการอินเทอร์เน็ต เพื่อกฎหมายประชาชนชน (iLaw) จัดเวทีเสวนา “เสรีภาพการตรวจสอบกับราคาที่ต้องจ่าย กรณีศึกษา : กทค. ฟ้องนักวิชาการและสื่อ” ที่ มธ. ท่าพระจันทร์

 

ก่อนเรื่มการเสนามีการอ่านแถลงการณ์ของ เครือข่ายนักกฎหมายสื่อมวลชนแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ MDSEA ในแถลงการณ์ระบุว่า การฟ้องหมิ่นประมาทในคดีนี้มีแต่จะก่อให้เกิดการยับยั้งการใช้เสรีภาพต่อนักข่าวและนักวิชาการ และเป็นไปได้ว่าจะเป็นการปิดปากการเสวนาสาธารณะในเรื่องที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะของคนไทย กทค.ควรใช้วิธีถกเถียงแลกเปลี่ยนเรื่องการขยายสัมปทานคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ในทางสาธารณะแทนการฟ้องคดี ทั้งยังเรียกร้องให้กทค.ถอนฟ้องคดีนี้ด้วย [ดูแถลงการณ์ฉบับเต็มได้ตามไฟล์แนบ]

 

นางสาวสุวรรณา สมบัติรักษาสุข ผู้จัดการสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า กสทช.ถูกสร้างขึ้นมาเพราะต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสื่อเพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมทั้งต้องการให้สื่อกำกับดูแลกันเอง การฟ้องหมิ่นประมาทเช่นนี้ คล้ายกับกำลังทำลายระบบการกำกับดูแลกันเองของสื่อ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเป็นองค์กรสื่อสาธารณะ ที่มีระบบการกำกับตัวเอง มีมาตรฐานทางจริยธรรมที่ชัดเจน แล้วเพราะเหตุใดกสทช. จึงไม่ร้องเรียนไปยังไทยพีบีเอสว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และขอพื้นที่ในการนำเสนอข้อมูลจากฝ่ายกสทช. และหากไทยพีบีเอสไม่ยินยอมจึงค่อยดำเนินการฟ้องร้อง หากศาลตัดสินว่านางสาวเดือนเด่น และนางสาวณัฏฐา ไม่มีความผิด ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ กสทช.จะกล้าเดิมพัน รับผิดชอบความเสียหายนี้ด้วยตำแหน่งและเกียรติยศของตนเองหรือไม่

 

นางสาวสาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. กล่าวว่า หลักการทางกฎหมายกสทช.สามารถฟ้องหมิ่นประมาทนักวิชาการและสื่อได้ เพราะมีกฎหมายคุ้มครอง แต่มีเงื่อนไขว่า การหมิ่นประมาทนั้นอยู่ในข้อยกเว้นหรือไม่ เช่น การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต คือ เข้าใจหรือเชื่อว่าเรื่องที่กล่าวนั้นเป็นความจริง เป็นต้น แต่สถานะของกสทช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ดำเนินงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ดังนั้นจึงควรมีการตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส จากทั้งภาคเอกชน ประชาชนและนักวิชาการ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์นั้นก็ถือเป็นการตรวจสอบอีกทางหนึ่ง ดังนั้นกสทช. ควรมีความอดทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าประชาชนทั่วไป จึงมีข้อสงสัยว่าแม้จะมีสิทธิฟ้องร้องได้ แต่ควรจะใช้สิทธิหรือไม่

 

นางสาวกายาทรีย์ เวนกิตสวารัน ผู้อำนวยการบริหารเครือข่ายสมาคมผู้สื่อข่าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ซีป้า (SEAPA) กล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกที่องค์กรสาธารณะที่ทำหน้าที่กำกับดูแลสื่อกลับฟ้องสื่อด้วยกันเอง ซึ่งหากสื่อหวาดกลัวการถูกฟ้องร้อง องค์กรสาธารณะก็มีแนวโน้มที่จะใช้การฟ้องร้องเพื่อทำให้ข่าวที่วิพากษ์วิจารณ์องค์กรตนเองเงียบลง ดังนั้น ในกรณีนี้ สื่อควรจะรวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์การฟ้องร้องเพื่อปกป้องการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน

 

ผศ.รุจน์ โกมลบุตร คณะวารสารศาสตร์ฯ มธ. กล่าวว่า การแทรกแซงสื่อของรัฐบาล มีสาเหตุมาจากรัฐบาลขาดความสามารถในการอธิบายนโยบายแก่ประชาชน เช่น โครงการรับจำนำข้าว โครงการจัดการน้ำ เป็นต้น โดยการแทรกแซงสื่อมีหลายรูปแบบ อาทิ การสร้างบรรยากาศให้เกิดความหวาดกลัวจนเกิดการเซ็นเซอร์สื่อ เช่น การเซ็นเซอร์ละครเหนือเมฆ 2 รายการฮาร์ดคอร์ข่าวทางช่อง 5 ถูกตัดเข้าโฆษณาระหว่างการนำเสนอข่าว เค วอร์เตอร์ เป็นต้น หรือการสร้างข่าวเพื่อดึงความสนใจไปจากประเด็นที่รัฐบาลไม่อยากให้ประชาชนสนใจ เช่น กรณีเณรคำ ถูกนำเสนอเป็นข่าวหลักเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นทางการเมือง เป็นต้น หรือร่างประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเนื้อหารายการ ที่กำหนดว่าการเสนอข่าวขัดแย้งจะต้องมีคู่กรณีครบทุกฝ่าย ซึ่งหากประกาศใช้จริง จะทำให้ไม่สามารถนำเสนอข่าวขัดแย้งหรือการตรวจสอบรัฐบาลได้เลย หากรัฐบาลเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูล

 

นายวรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง นักวิจัยโครงการติดตามนโยบายสื่อและโทรคมนาคม (NBTC Policy Watch) กล่าวว่า การทำงานของกสทช.ไม่มีความโปร่งใสในหลายๆ ด้าน เช่น เปิดเผยมติของคณะกรรมการกสทช.ล่าช้า ไม่เปิดเผยรายงานการประชุมของอนุกรรมการ รวมทั้งไม่เปิดเผยข้อมูลที่ใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของกสทช. มีการใช้งบประมาณในด้านต่างๆ เช่น การไปดูงานต่างประเทศ หรือการซื้อสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ แต่ไม่มีการเปิดเผยผลของการใช้งบประมาณ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของกสทช.ได้ กสทช.จึงควรใช้พื้นที่สาธารณะในการโต้แย้งถกเถียง มากกว่าการไปฟ้องกันในศาล

Written by Anchulee.Vis in: กิจกรรม,วิชาการ |
Sep
13
2013
0

เสวนา “พลังงาน วิกฤต ทางรอด อนาคต”

785 views

13 กันยายน 2556 – คณะวารสารศาสตร์ฯ นำโดย อ.ศรรวริศา เมฆไพบูลย์ กลุ่มวิชาหนังสือพิมพ์และสิ่งพิมพ์ จัดเสวนา “พลังงาน วิกฤต ทางรอด อนาคต” ณ ห้องประชุมเกษม ศิริสัมพันธ์ ชั้น 4 คณะวารสารศาสตร์ฯ มธ. ศูนย์รังสิต นำการเสวนาโดย ดร.เดชรัตน์ สุขกำเนิด ผู้อำนวยการมูลนิธินโยบายสุขภาวะ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ร่วมฟัง คิด และสร้างพลังในวิกฤตพลังงาน

Faculty of Journalism and Mass Communication, Thammasat University | email: jc.thammasat@gmail.com
StartCounter@15052010

  • Twitter
  • Facebook
  • YouTube